ทริปนี้เราจะพาทุกๆท่านเดินทาง Road Trip กับพวกเราไปประเทศใกล้เคียงนั่นก็คือมาเลเซียนั่นเอง โดยท่านสามารถนำรถยนต์ของท่านไปทำเรื่องขอเอารถเข้าไปขับยังประเทศมาเลเซียได้ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยและต้องติดสติ๊กเกอร์ป้ายทะเบียนของมาเลเซียด้วย
หลังจากเตรียมเอกสารทุกๆอย่างแล้วก็เริ่มเดินทาง Road Trip แบบ 4 วัน 3 คืนได้เล้ยยย

แวะเช็คอินถ่ายรูปซื้อของกินเล็กๆน้อยๆก่อนเข้าด่าน เพราะเราเดินทางกันตอนเย็นตรงดิ่งไปยัง KL หรือ กัวลาลัมเปอร์ เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงด้วยกันทำให้เราไม่สามารถแวะระหว่างทางได้นานนัก
เรื่องเอกสารต่างๆที่ต้องใช้ในการนำรถยนต์เข้าประเทศแนะนำว่าควร Search ข้อมูลก่อนนะครับ เมื่อไปถึงด่านก็จะมีเอกสารให้กรอกข้อมูลอีกนิดหน่อย ถ้าหากไม่เข้าใจตรงไหนสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ครับ ส่วนคนโดยสารเช่นผมก็พกแค่ Passport เท่านั้นครับ

เมื่อผ่านด่านมาแล้วก็มุ่งหน้าสู่กัวลาลัมเปอร์กันเลยยยย
ฮอนด้าไม่ได้สนับสนุนทริปนี้นะครับ ถ่ายมาให้ดูเฉยๆ 555
เริ่มมืดแล้วครับ บางช่วงบางทางจะมองทางไม่ค่อยเห็นแถมฝนก็ตกอีกด้วย จึงช่วยๆกันดูทางและไม่ได้ถ่ายต่อจนไปถึงที่พักที่กัวลาลัมเปอร์เลยครับ*เมื่อขับรถเข้ามาได้ระยะนึงจะต้องขึ้นทางด่วนเราต้องเข้าช่องซ้ายสุดเพื่อซื้อบัตรในการใช้ครั้งต่อๆไปนะครับ ช่องซ้ายสุดจะมีพนักงานสามารถบอกพนักงานได้เลย โดยเราซื้อไป 100RM เพื่อตรงดิ่งไปยังกัวลาลัมเปอร์เหลือๆ และขากลับเราเติมเงินอีก 20RM เพราะไม่พอรวมค่าทางด่วนเป็น 120RM นะครับ

เช้าวันแรกหลังจากเข้ามายังกัวลาลัมเปอร์ เมืองแรกที่เราไปกันคือ “ปุตราจายา” (Putrajaya) ที่แรกที่เราไปกันคือ มัสยิดสีเงิน (Iron Mosque) ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบดีมาก โดยผู้หญิงจะต้องใส่ชุดคลุมซึ่งเค้ามีบริการให้ยืมครับ


อยู่ถ่ายรูปกันที่นี่ได้ไม่นานนักเราก็ออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับมัสยิดสีเงิน
สวนสาธารณะที่นี่ค่อนข้างสวยงามเลยทีเดียว แต่ติดที่ร้อนไปนิดเพราะเรามากันเที่ยงแล้ว
วิวสวยๆมองเห็นเมืองตรงหน้าเรา
มุ่งหน้ากันไปต่อที่ มัสยิดสีชมพู (Putra Mosque) 

แวะถ่ายรูปจากบนสะพาน
โป๊ะแตกจ้าา เข้าไม่ได้ 55555 เราไปถึงช่วงที่เค้ากำลังจะทำพิธีทางศาสนาพอดีทำให้คนภายนอกต้องรอไปก่อน ซึ่งต้องรอเกือบ 3 ชั่วโมงเราไม่อยากเสียเวลาเลยเดินถ่ายรูปข้างนอกกันเล่นๆแทน

เสร็จจากเมืองปุตราจายาเราเดินทางกลับกัวลาลัมเปอร์กันต่อ
เดินถ่ายรูปเล่นกันที่ จัตุรัสเมอร์เดก้า



เดินไปเรื่อยๆเพื่อไปยังตึกแฝดของมาเลเซีย

มาถึงยังตึก เปโตรนาสทาวเวอร์ (Petronas Twin Towers)
เดินเล่นในห้างจนมืดแล้วออกมาถ่ายรูป คนเยอะมากกกก
แวะหาไรกินที่ตลาด จำชื่อตลาดไม่ได้แต่อยู่หน้า Hotel Imperial ที่เราพัก

เช้าวันเสาร์ที่สดใสรอเราอยู่ คนเยอะมากกกก วันนี้แวะมาที่ ถ้ำบาตู Batu Cave
แวะถ่ายรูปเจ้าถิ่น บอกเลยว่าดุมาก
เดินขึ้นมากี่ขั้นไม่รู้แต่รู้ว่าเหนื่อยมาก
ถึงสักที



ถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับลงมา ขาลงไม่เหนื่อยเท่าไรชิวๆ
ออกจากถ้ำบาตูก็เดินทางต่อเพื่อไปยัง Genting Highland โดยเราจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้ากันที่ กระเช้าลอยฟ้าเอวานา (Awana Skyway)



ที่นี่มีสินค้าแบรนด์ดังมากมาย ขาช็อปไม่ควรพลาด
ค่าบัตรสำหรับขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไป-กลับคนละ 16RM

ขึ้นมาถึงยัง เก็นติ้งไฮแลนด์ (Genting Highland) แล้ว

แวะหาไรกินรองท้อง


บน Genting Highland ค่อนข้างกว้างมาก เดินกันเหนื่อยเลยแหละแถมอากาศก็เย็นด้วย
ขากลับหมอกลงจ้าา วิวหายหมดเลย แต่โชคดีที่ตอนขึ้นไม่มีหมอก

มุ่งหน้ามาต่อที่ คาเมรอนไฮแลนด์ (Cameron Highland) ทางขึ้นมาที่นี่เป็นอีกทางที่โค้งเยอะพอสมควรทำเอาผู้ร่วมเดินทางเกือบอ้วกแตกกันเลย
บรรยากาศเวลา 07.00 น. หนาวมากกก แต่ผมชอบอากาศหนาวๆอยู่แล้ว วิวจาก Copthorne Hotel
เดินทางขึ้นไปยัง Cactus Valley

ค่าเข้า Cactus Valley คนละ 5RM


สวนค่อนข้างกว้าง ถ่ายรูปมาเยอะมาก แต่คัดมาให้ดูนิดนุง อิอิ
เดินทางต่อมาที่ ไร่ชา (BOH Tea Centre) เป็นไร่ชาที่ใหญ่มาก

จัดให้ 1 รูปชิวๆ


ร้านน้ำชาคนเยอะต่อคิวกันยาวเหยียดเราเลยไม่ได้ซื้ออะไรกินที่นี่ แต่ซื้อของฝากแทน


จบเรียบร้อยสำหรับ Road Trip ในครั้งนี้ค่อนข้างเที่ยวกันคุ้มเลยทีเดียว เรียกว่าเที่ยวกันเหนื่อยเลยแหละเดินทางกันเกือบครึ่งประเทศ
สรุปค่าใช้จ่าย
– ค่าน้ำมันตลอดทริป = 200RM
– ค่าทางด่วน = 120RM
– ค่าขึ้นกระเช้าไป-กลับ Genting คนละ = 16RM
– ค่าเข้าสวนดอกไม้คนละ = 5RM
– ค่าที่พัก อันนี้แล้วแต่ช่วงเลยนะ แต่ตกคนละประมาน 1200+ บาท (3 คืน 2 โรงแรม)
– อื่นๆเช่นค่ากิน ของฝาก
awana skyway Batu Cave BOH Cameron dataran merdeka Genting Iron Mosque KL Petronas Twin Towers Putra Mosque Putrajaya roadtrip กระเช้าลอยฟ้าเอวานา กัวลาลัมเปอร์ จัตุรัสเมอร์เดก้า ต่างประเทศ ถ้ำบาตู ท่องเที่ยว ที่พัก มัสยิดสีชมพู มัสยิดสีเงิน มาเลเซีย เก็นติ้งไฮแลนด์ เดินทาง เปโตรนาสทาวเวอร์ ไร่ชา
ทุกการเดินทางคือความทรงจำ